วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2553

Lecture 6 summary

E-Business and E-commerce

Example cases
Dell - ใช้ระบบ E-commerce ในการดำเนินงาน โดยให้ลูกค้าสั่งซื้อ Laptop ผ่านเว็ปไซต์ โดยสามารถcustomize ระบุสเปคเครื่องที่ตนเองต้องการได้ เป็นการผลิตแบบ Customization ทำให้สามารถตั้งราคาสูงกว่าคู่แข่ง นอกจากนี้การที่ Dell ใช้ระบบ E-commerce ยังดีกว่าคู่แข่งที่ใช้ระบบหน้าร้านตรงที่สามารถขยายฐานลูกค้าได้กว้างขึ้น
Ebay - เว็ปไซต์ประมูล ซึ่งมีงานวิจัยศึกษามาบอกว่าการประมูลจะให้สามารขายสินค้าได้ในราคาที่สูงขึ้น เนื่องจาก Information Asymmetry ระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย กำไรค่อนข้างดี เพราะเวลาผู้ซื้อบิดได้ จะรู้สึกพอใจมากขึ้น(ได้ชนะการบิด)
Amazon - เว็ปขายสินค้าสินค้า เริ่มจากขายหนังสือก่อน เริ่มธุรกิจจากการขายหนังสือ เพราะเขามีหนังสือจำนวนมากที่ไม่ค่อยมีคนอ่านและหายาก โดยเขาเชื่อว่าจะขายได้เพราะ concept ที่เรียกว่า long tail (สินค้าบางประเภทจะขายดีมาก ประมาณ 10%ของลูกค้าจะซื้อสินค้าชนิดนี้ แต่ก็ยังมีสินค้าประเภทอื่นที่ไม่เป็นที่นิยมมากนักแต่ก็ยังมีลูกค้าส่วนที่เหลือสนใจ)

Click & Mortar - เป็น model ธุรกิจ E-Commerce ที่มีรูปแบบการที่มีการผสมผสานกันระหว่าง ผู้ที่มีธุรกิจร้านค้าหรือมีบริษัท เปิดให้บริการทำการค้าจริงๆ และมีเว็บไซต์เป็นอีกช่องทางในการค้าขาย โดยการค้าในรูปแบบนี้จะเป็นผสมผสานเชื่อมต่อการซื้อขายทั้งสองช่องทางด้วยกันได้ เพื่อให้ศักยภาพในการค้าสูงสุด ในการรองรับลูกค้าทั้งสองช่องทาง

Brick and Mortar - เป็นบริษัทที่มีการขายแบบ offline อย่างเดียว

E-Business แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบดังนี้
1. Business-to-Business (B2B)
2. Business-to-Consumer (B2C)
3. Consumer-to-Consumer (C2C)

E-commerce Model

·         Affiliate marketing
หาคู่ค้า โดย ให้ code affiliate ประจำตัวต่อคู่ค้าแต่ละคน เมื่อมีลูกค้าซื้อสินค้าผ่านการเชื่อมโยงมาจากเว็ปไซต์ของคู่ค้า คู่ค้าจะได้เปอร์เซ็นต์จากการขาย (แปะลิงค์เค้าไว้แล้วลูกค้าเข้าเว็บซื้อสินค้าเค้าจากหน้าเว็บเรา)
·         Batering
o    www.craigslist.com คนใช้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันฟรี เช่น แลกของ ซื้อของ
o    Couchsurfing.com คล้าย facebook ของนักท่องเที่ยว ถ้าไปเที่ยวที่ที่มีสมาชิกอยู่ก็ไปนอนบ้านเค้าก็ได้ หรือPriceline.com ใช้เวลาซื้อตั๋วเครื่องบิน โดยให้ลูกค้าแจ้งราคาที่ต้องการเข้าไป แล้ว Priceline ทำหน้าที่ Matching

·        Online Advertisers, Marketers & Students  พวก Facebook
·         Company-sponsored Socially Oriented Sites eblogger
·         Application Programming Interface(API) 
การที่บริษัทนึงผลิตโปรแกรมแล้วพัฒนาให้สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมของอีกบริษัทหนึ่ง เช่น iphone มี app เยอะ พวกนักพัฒนา app จะต้องมี code API ของ apple เพื่อเอาไปสร้าง app เพื่อมาใช้กับ iphone apple ได้, Paypal  ดีกว่าการตัดบัตรเครดิตปกติตรงที่มีความปลอดภัย และสามารถปริ้นใบเสร็จจาก Paypal แล้วเอาไปจ่ายเงินสดที่ธนาคารได้ นอกจากนี้ยังมี youtube และ google map

Benefit of E-commerce

-           To organization ประหยัด Transaction Cost , สามารถเปิดตลอด 24 ชม., ตัดปัญหาต่อรองสินค้า, ลดค่าใช้จ่ายติดต่อสื่อสาร, เพิ่มโอกาสเข้าถึงลูกค้า, โอกาสทางธุรกิจใกล้เคียงกัน,ประชาสัมพันธ์ง่ายขึ้น
-          Customers ลูกค้าสะดวกมากขึ้น
-          Society เช่น ลดโลกร้อน, ติดต่อสะดวกมากขึ้นสานสัมพันธ์กัน, มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมง่ายขึ้น

Limitation of E-commerce

-          Technological Limitations มาตรฐานของผู้ใช้งานแต่ละคนไม่เท่ากัน อาจมีปัญหาด้านการเชื่อมต่อ
-          Non Technological Limitations เรื่องของความปลอดภัย เช่น Hacker บัตรเครดิต
-          ขาดความรู้ด้านกฎหมายในการทำธุรกรรมอิเล็คทรอนิกส์


Social Commerce 

เกิดจาก concept ที่ว่าลูกค้ามักซื้อของถ้าได้รับคำแนะนำจากเพื่อน  หรือคนรู้จักมากกว่าการโฆษณา หรือหนังสือแนะนำ จึงเกิดเป็น Social Commerce เช่น การแนะนำสินค้าหรือขายของใน Facebook โดยFacebookอาจกลายเป็นคู่แข่งที่สำคัญของ Google หาก Facebook  สามารถสร้าง Search engine ของตนเองขึ้นมาได้ Search Engine ของ facebook จะสามารถค้นหาความคิดเห็นที่มีต่อสินค้านั้นๆได้มากกว่า Google


Other classifications

o   Electronic Catalogs
สามารถมี Catalog ออนไลน์และให้คนเข้ามาเลือกของได้ เนื่องจากคนที่สูงอายุชอบที่จะดูเป็น Catalog เช่น  JCPenney, the home depot
o   E-Auctions 
เว็บประมูล เอาของที่ตกรุ่นมาประมูลดีกว่าลดราคาขายตามทฤษฎีที่บอกจะได้ราคาดีกว่า uBid,  ebay,  DellAuction  ทำให้ผู้ขายไม่ถูกกดราคาเหมือนการขายในตลาดทั่วไป
o   E-classifieds  เช่น EbayMotors, Half.com
o   Customer service online เช่น Dtac , True
o   Electronic Malls   เช่น MSN Shopping, Cash back stores, Choice mall, We love shopping, Allibaba 
o   Batering&Negociation
เวบยื่นหมูยื่นแมว อยากแลกเปลี่ยนสินค้าอะไรก็แลก พวก B2B Auction เช่น TARAD.COM เป็นเวบไซด์ขายของของเมืองไทยที่เพิ่งขายให้ญี่ปุ่นไป เข้ามาซื้อของได้ทั้งคนไทยและต่างชาติ
o   Electronic Storefront       
 มีการขายทั้ง online(บนเว็บ) และ offline(หน้าร้าน) ข้อดีอยู่ตรงที่ลูกค้าจะมีหลายกลุ่ม หรือเวลาจะคืนของก็สามารถไปเคลมคืนที่ร้านได้สะดวก แต่ก็มีข้อเสียคือต้นทุนสูง จะต้องแยกการจัดการระหว่างร้าน online และ ร้านoffline
o   Customer Service online
FAQ บนเว็บ, หรือพวกบริการต่างๆ เช่น true
o   Electronic Malls
เช่น MSN Choice Mall พยายามให้ผู้บริโภครู้สึกเหมือนไปห้างมากที่สุดOnline Job Market เช่น Jobsdb.com, jobtopgun.com
o   Travel Service เช่น Expedia, Carnival, Travelocity, Hotwire.com
o   Real-estate online
o   Online Job market เช่น Monster.com
o   E-Government
คือ การที่ส่วนราชการใช้ Internet และ Website เข้ามาช่วยในกระบวนการต่าง เช่นการจ่ายภาษี หรือการประมูลงานของรัฐการจ่ายเงินออนไลน์  เช่น Electronic funds transfer , Electronic checks

1 ความคิดเห็น:

  1. Cloud Computing
    เป็นระบบที่อยู่บนเครือข่าย Internet ที่ให้บริการด้านการทำงานต่างๆ โดยผู้ใช้ไม่ต้องมีเทคโนโลยี หรือโปรแกรมต่างๆ เอง สามารถใช้ผ่านระบบนี้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนระบบต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการได้อีกด้วย

    ระบบนี้แบ่งออกเป็น 5 อย่างคือ
    1. On-demand self-seveice ผู้ใช้สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ
    2. Broad network access (Internet)
    3. Resource pooling : location independent
    4. Rapid elasticity ผู้ใช้สามารถปรับเพิ่มลดขนาดของการทำงานได้ตามความต้องการ

    ข้อดี
    cost savings ลดต้นทุนในการลงทุนทางด้านเทคโนโลยี เนื่องจากสามารถใช้เทคโนโลยีต่างๆ จากระบบนี้ได้
    Scalability สามารถกำหนดขอยเขตได้ตามความต้องการ และยังปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา
    Access to top-end IT capabilities ทำให้สามารถเข้าถึงทรัพยากรด้าน IT ที่ดีได้ โดยไม่ต้องมีเงินลงทุนจำนวนมาก
    Focusing on core competencies ทำให้องค์กรสามารถใช้ทรัพยากรที่มีไปลงในสิ่งที่เป็นความสามารถหลักขององค์กรได้ ไม่ต้องแบ่งมาลงทุนด้าน IT
    Efficient asset utilization ทำให้สามารถใชทรัพยากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (ไม่ต้องลงทุนกับ IT จัดการทรัพยากรที่มีให้คุ้มค่ามากที่สุด)
    ข้อควรระวัง
    Privacy and security เพราะว่าเราจะฝากข้อมูลไว้ให้คนอื่นเก็บ ทำให้อาจมีความเสี่ยงเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลขององค์กรที่อาจรั่วไหลได้
    Non-standard platform ไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน เพราะสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของแต่ละองค์กร
    Reliability ความมั่นคงขององค์กร เพราะถ้าระบบล่ม องค์กรจะทำอย่างไร จะทำงานต่อไปอย่างไร
    Portability สามารถใช้ได้สะดวก เพียงแค่เชื่อมต่อเข้าสู่ Internet ก็สามารถทำงานได้แล้ว


    Health Informatics
    คือการนำข้อมูลด้านสุขภาพมาเชื่อมต่อเข้ากับระบบสารสนเทศเพื่อให้สามารถจัดการได้ดีขึ้น

    แบ่งเป็น 5 ด้านคือ
    ข้อมูลด้านประชากร เศรษฐกิจและสังคม เช่น ข้อมูลประชากร, การศึกษา สังคม การเมือง
    ข้อมูลด้านสุขภาพ คือ ข้อมูลด้านสุขภาพของแต่ละคน
    ข้อมูลด้านทรัพยากรสาธารณสุข เช่น ข้อมูลจำนวนทรัพยากรด้านนี้ การเงิน ครุภัณฑ์ต่างๆ
    ข้อมูลด้านกิจกรรมสาธารณสุข เช่น ข้อมูลการส่งเสริมสุขภาพต่างๆ การป้องกันโรค
    ข้อมูลด้านการจัดการ เช่น ข้อมูลที่ใช้ในการวางแผน วิเคราะห์สถานการณ์ต่างๆ
    ประโยชน์
    ทำให้การบริการดีขึ้น
    ทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และลดความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้น
    ช่วยในการวางแผนการทำงานต่างๆ


    Web 2.0
    คือ Website ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน มีลักษณะสำคัญ 7 ประการ คือ
    Network as platform สามารถใช้ช่องทางผ่าน Web Browser ได้
    ผู้ใช้งานที่เป็นเจ้าของข้อมูลสามารถดำเนินการกับข้อมูลนั้นได้
    ทำให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมมากขึ้น
    มี User interface ที่เหมือนกับ desktop mให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
    สามารถโต้ตอบกันได้
    มีความรวดเร็วและง่ายในการส่งข้อมูลมากขึ้น
    มีการเอา Function ใช้งานจากหลายเว็บรวมเข้าด้วยกัน
    เปรียบเทียบ Web 1.0 กับ Web 2.0
    Web 1.0 จะเป็นเหมือนการสื่อสารทางเดียว คือเจ้าของเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถใส่ข้อมูลลงในเว็บนั้นได้ แต่ Web 2.0 ทั้งเจ้าของและผู้ใช้สามารถโต้ตอบกันได้

    เทคโนโลยีที่ Web 2.0 ใช้
    AJAX (Asynchronous JavaScript and XML) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้คั่นกลางระหว่าง Browser กับผู้ใช้เพื่อให้ Web สามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ทันที
    SaaS (Software as a service) เป็นการให้บริการ software ผ่านหน้า ซึ่งอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้มากขึ้น คือ ไม่ต้องโหลดโปรแกรมมาลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่สามารถใช้ได้บนเครือข่ายเลย
    RSS (Really Simple Syndication) เป็นตัวช่วยในการบอกว่า Content ไหนมาใหม่

    ตอบลบ